แปรงอุตสาหกรรม

แปรงอุตสาหกรรม(Industry brush) คือแปรงที่ใช้ในโรงงานหรืออุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทำความสะอาดชิ้นงาน การขัดสนิม การลบครีบคม การทำลวดลาย การขัดเงา หรือแม้กระทั่งใช้ในการลำเลียงอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งจะเห็นว่าแปรงอุตสาหกรรมนั้นมีประโยชน์อย่างมาก แต่ว่าในการใช้งานนั้น ๆ ถ้าหากมีการใช้ที่ไม่ถูกชนิด ไม่เหมาะสมกับชิ้นงาน จะทำให้งานที่ได้ไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสินค้าที่ได้นั้นอาจจะไม่มีคุณภาพที่ดีตามต้องการ ดังนั้นในการใช้งานควรจะมีการออกแบบอย่างเฉพาะเจาะจงให้เหมาะสมกับการผลิตสินค้ามากที่สุด แปรงอุตสาหกรรมสามารถแบ่งตามประเภทของการใช้งานได้ 2 ประเภทคือ แปรงที่ใช้กับพื้นผิวภายในและแปรงที่ใช้กับพื้นผิวภายนอก โดยที่แปรงทั้ง 2 ชนิดนี้อาจจะมีขนแปรงและวัสดุในการทำแปรงที่อาจจะเหมือนหรือต่างกันก็ได้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งานเป็นหลักว่าผู้ใช้งานนั้นต้องการนำแปลงไปใช้ทำอะไร

แปรงที่ใช้กับพื้นผิวภายในนั้นมักจะมีลักษณะในการใช้งานส่วนใหญ่คือ การทำความสะอาดในซอกหรือว่าในช่องที่อยู่ภายในชิ้นงานไม่ว่าจะเป็นการลบรอยต่าง ๆ ที่เกิดจากการผลิตตัวสินค้าหรืออาจจะเป็นการขจัดคราบสกปรกอย่างเช่น เศษผงเหล็ก ผงฝุ่น คราบสนิม คราบน้ำมัน คราบสารบางชนิดที่ติดอยู่ภายในตัวชิ้นงาน ซึ่งลักษณะโดยทั่วไปของแปรงชนิดนี้นั้นมักจะมีขนาดเล็กเพื่อที่จะเข้าไปยังช่อง หรือรูต่าง ๆ ภายในตัวชิ้นงานได้สะดวก ส่วนแปรงที่ใช้กับพื้นผิวภายนอกจะมีลักษณะการใช้งานที่สังเกตเห็นได้ชัดก็คือ การขัดทำความสะอาดชิ้นงาน การปัดฝุ่นผง การลบครีบคมที่เกิดจากการผลิต การขัดพื้นผิวของชิ้นงานให้มีลักษณะตามต้องการหรือแม้กระทั่งการใช้ลำเลียงอุปกรณ์บางชนิดบนสายงานลำเลียงต่าง ๆ ซึ่งแปรงชนิดนี้นั้นลักษณะที่สังเกตเห็นได้ชัดมักจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าแปรงที่ใช้กับพื้นผิวภายใน แต่ว่าอย่างไรก็ตามรูปร่างลักษณะของ แปรงอุตสาหกรรมนั้นก็จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งานเป็นหลักซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามงานแต่ละชนิด

ในการเลือกใช้งานขนแปรงนั้นควรพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของงานเป็นหลักอย่างเช่น ถ้าหากต้องการขัดชิ้นงานที่มีความแข็งอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเหล็กหล่อ หรือสารอื่น ๆ ที่มีความแข็งมากก็ควรจะใช้แปรงที่เป็นประเภทซิลิกอนคาร์ไบด์ ถ้าหากต้องการขัดพื้นผิวที่มีความแข็งไม่มากจำพวก ไททาเนียม อลูมิเนียม ก็ควรจะใช้แปรงประเภทของอะลูมิเนียมออกไซด์ ซึ่งเป็นแปรงที่เหมาะกับพื้นผิวที่ไม่มีความแข็งมาก และถ้าหากต้องการใช้งานทำความสะอาดทั่วไปไม่ว่าจะเป็นการปัดเศษดิน ฝุ่น ผงต่าง ๆ ออกจากพื้นผิวชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำผิวเงาของพลาสติก ผลไม้ โลหะ แผ่นไม้ หรือแม้กระทั่งการใช้แปรงในการลำเลียงสินค้าในสายการผลิตนั้นก็ควรจะเลือกใช้แปรงมราเป็นประเภทไนลอน

ขนแปรงอุตสาหกรรมโดยทั่วไปนั้นถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกันคือ เส้นใยสังเคราะห์ เส้นใยธรรมชาติ และเส้นขดลวด ซึ่งขนแปรงแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป อย่างเช่นในกรณีของเส้นใยสังเคราะห์นั้น สามารถทำงานได้ในช่วงของอุณหภูมิที่ไม่สูงประมาณ 60 ถึง 100 องศาเซลเซียส และไม่เหมาะสมกับการใช้งานบนชิ้นงานที่มีสภาพเป็นกรด และแปรงชนิดนี้นั้นมีคุณสมบัติในการยืดหยุ่น สปริงตัวสูงเป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถทำงานได้ร่วมกับน้ำและสารหล่อเย็นอีกหลายชนิดได้อีกด้วย ส่วนการใช้งานนั้นก็จะเป็นประเภทงานทำความสะอาดที่ไม่ต้องการแรงขัดที่สูงอย่างเช่นการขัดพื้นผิวพลาสติก กระจก ยางพารา แผ่นไม้ ผลไม้ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ตัวอย่างขนแปรงชนิดนี้ได้แก่ PA66 หรือ Nylon, P.P., PBT, PVC., Abrasive Nylon ส่วนแปรงประเภทเส้นใยธรรมชาตินั้น ไม่เหมาะสำหรับการทำงานในชิ้นงานที่มีความเป็นด่าง มีอุณหภูมิสูงสุดในการทำงานคือ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งขนแปรงชนิดนี้นั้นมีคุณสมบัติพิเศษในการทนความร้อนและไม่มีไฟฟ้าสถิต โดยส่วนใหญ่แล้วจะถูกใช้งานในการปัดทำความสะอาด เคลือบเงาเป็นหลัก ตัวอย่างของขนแปรงชนิดนี้ได้แก่ขนหมู ขนม้า ขนตาล และขนแปรงอย่างสุดท้ายคือขนแปรงประเภทเส้นขนลวด ซึ่งขนแปรงชนิดนี้ไม่เหมาะสมในการทำงานในสภาพที่เป็นกรด มีความเสถียรในการทำงานบนชิ้นงานที่มีเป็นด่างพอประมาณ แต่ว่าขนแปรงชนิดนี้มีจุดเด่นในเรื่องความสามารถทนความร้อนสูงได้ถึง 200-400 องศาเซลเซียส และมีแรงขัดที่สูงมาก ซึ่งลักษณะในการใช้งานทั่วไปนั้นมักจะใช้งานกับการขัดลบรอย ลบครีบคม ขัดคราบสนิม ขัดเคลือบเงา ขัดแต่งชิ้นงาน เตรียมพื้นผิวชิ้นงาน และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งตัวอย่างของขนแปรงชนิดนี้ได้แก่ เหล็ก สแตนเลส ทองเหลือง

นอกจากการเลือกขนแปรงให้เหมาะกับชิ้นงานแล้วก็ยังมีปัจจัยอื่นที่ ต้องคำนึงถึงอยู่ด้วยอย่างเช่น ถ้าหากต้องการทำความสะอาดบนพื้นผิวผลไม้ นั้นก็ควรจะใช้แปรงไนลอนร่วมกับการใช้น้ำทำความสะอาดซึ่งจะต้องเลือกเส้นใยไนลอนที่มีความคงตัวและแข็งแรงเมื่อต้องสัมผัสกับน้ำอยู่ตลอดเวลา และในงานขัดทำความสะอาดบางชนิดนั้นจะต้องคำนึงถึงความร้อนสะสมที่มักจะเกิดขณะทำการขัดบนพื้นผิวอยู่ด้วยเพราะว่าสินค้าบางชนิดนั้นไม่ทนต่อความร้อนสูง ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจจะส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นมาได้เลย

ในการใช้งานแปรงอุตสาหกรรมนั้นถ้าหากว่ามีความจำเป็นต้องใช้ขนแปรงบางชนิดซึ่งเหมาะสมกับพื้นผิวของชิ้นงาน แต่อาจจะไม่เหมาะสมกับกระบวนการอย่างเช่นการใช้งานร่วมกับน้ำ หรือสารหล่อเย็น ก็ควรจะพิจารณาปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย เช่นถ้าหากดำเนินการขัดชิ้นงานแล้วแต่ว่าสมรรถนะของแปรงมีไม่เพียงพออาจจะปรับแก้โดยการใช้แปรงที่หยาบขึ้น เพิ่มความเร็วในการขัด เพิ่มแรงกดของแปรงให้มากขึ้น หรือแม้กระทั่งการลดความยาวของเส้นขนแปรง และในทางตรงข้ามกันถ้าหากแปรงที่ใช้งานนั้นมีความแข็งมากเกินไปจนทำให้ชิ้นงานเกิดรอยขีดข่วนก็สามารถปรับแก้โดยการใช้ขนแปรงที่ละเอียดขึ้น ลดความเร็วในการขัดลง หรือการลดขนาดของเส้นขนแปรงให้เล็กลง ซึ่งจะเห็นว่าปัจจัยเหล่านี้นั้นสามารถนำมาทดแทนกันได้ในกรณีที่สินค้าและแปรงบางชนิดต้องใช้ด้วยกัน แต่ติดปัญหาเรื่องข้อขัดแย้งบางข้อ ก็ให้ใช้วิธีการดังข้างต้นเพิ่มเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการการผลิต

ในการเลือกใช้งานแปรงอุตสาหกรรมนั้นนอกจากจะพิจารณาในเรื่องของวัสดุต่าง ๆ ที่นำมาใช้ผลิตแปรงแล้ว ส่วนที่สำคัญอย่างมากอีกเรื่องหนึ่งก็คือการออกแบบและคุณภาพในการผลิต ถึงแม้ว่าในการผลิตแปรงนั้นจะใช้วัสดุอย่างดีมีคุณภาพสูงก็ตาม แต่ถ้าได้รับการออกแบบที่ไม่ดีจะเป็นเหตุให้แปรงไม่มีคุณภาพในการใช้งานเท่าที่ควร และอาจจะสร้างปัญหาอื่น ๆตามมาไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ได้ไม่มีคุณภาพเพียงพอตามเป้าหมาย หรืออาจจะเป็นในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ตามมาในการดูแลรักษาแปรงที่ใช้งานอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นต้นทุนในการผลิตสินค้าออกมาจำหน่ายทั้งสิ้น

ดังนั้นแล้วถ้าหากว่าต้องการชิ้นงานที่มีคุณภาพสูงประกอบกับการประหยัดต้นทุนในการผลิตควรจะเลือกแปรงอุตสาหกรรมที่ดีมีคุณภาพ มีเหมาะสมกับสายการผลิตนั้น ๆ อย่างมากที่สุดเพื่อที่จะทำให้แปรงมีอายุในการใช้งานยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม แล้วเมื่อเราลดต้นทุนในการผลิตได้นั้น สิ่งเหล่านี้ก็จะกลายมาเป็นผลกำไรให้กับผู้ประกอบการได้มากขึ้น